ตะลุยเขากระโจม สวนผึ้ง
จุดบริการ การท่องเที่ยวเขากระโจม นักท่องเที่ยวที่จะนำรถขึ้นไปเอง จะต้องไปลงทะเบียน เสียค่าธรรมเนียม เพราะโดยส่วนมาแล้วการขึ้นเขากระโจมของนักท่องเที่ยวมักจะใช้บริการรถของทางชมรมกลุ่มรักษ์เขากระโจมพาขึ้นไป ด้วยสภาพถนน ความคุ้นชินเส้นทาง และต้องใช้รถขับเคลื่อนสี่ล้อเท่านั้น ถือว่าเป็นความท้าทายความสามารถไม่น้อยเลย
ช่วง 1-2 กิโลเมตรแรก ยังเป็นทางลาดยางสลับกับหลุมบ่อบ้าง ยังไม่ถือว่าโหดเท่าไหร่ เจอความท้าทายจุดแรกเกือบถอดใจเหมือนกัน แต่ก็กัดฟันสู้ไหนๆก็ไหนๆแล้ว
หลังจากหมดทางลาดยางถนนเริ่มโหดขึ้นเรื่อยๆ
ตามเส้นทางที่แม้จะดูโหด สูงชันสมบุกสมบัน ก็มีวิวสวยๆ ให้ได้ชม ช่วยให้มีความมุ่งมั่นมากขึ้น
ป้ายบอกระยะทางที่เหมือนจะสื่อให้ทราบว่าอีกไม่ไกลก็จะถึงจุดหมายป้ายทางแล้ว สู้ต่อไป
บททดสอบทั้งคนขับและสมรรถนะรถ เล่นเอาต้องลุ้นจนตัวเกร็งเลยทีเดียว
พอผ่านจุดนี้มาได้ก็เลยต้องลงมาแอ๊กท่าถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึกหน่อย อย่างน้อยก็เพื่อเรียกความมั่นใจกับมา ก่อนที่จะเผชิญช่วงต่อไป
สุดท้ายก็คลานขึ้นไปถึงลานกางเต็นท์ ฐานปฏิบัติการตำรวจตะเวนชายแดนที่ 137 หรือที่เรียกว่า เนิน 1000 จนได้ ด้วยความสามารถและฝีมือ ท่ามกลางความโล่งใจของผู้โดยสาร ...เฮอ ถึงซะที ใช้เวลาไปเกือบสองชั่วโมง (ตามปกติถ้าเป็นรถของชมรมกลุ่มรักษ์เขากระโจม ใช้เวลาแค่ 40 นาที่เท่านั้น)
หลังจากกางเต็นท์สำหรับเป็นที่พักค้างแรมเสร็จ ก็ออกสำรวจพื้นที่โดยรอบ ที่นี่มีต้นกล้วยป่าขึ้นอยู่เยอะมาก ดอกไม้ป่าขึ้นอยู่ตามเนิน ต้นไม้ใหญ่ใบเขียวขจี ดูแล้วสดชื่นสบายตา อากาศช่วงใกล้ค่ำเย็นสบายดี แม้ช่วงที่ไปจะไม่ใช่หน้าหนาวก็ตาม
ที่ดูจะเป็นจุดเด่นของเขากระโจม ก็คือการได้ชมพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตกจากจุดยืนที่เดียวกัน เพียงแค่หันหน้าหันหลังเท่านั้น ตอนเย็นจะเห็นพระอาทิย์ตกที่ฝั่งพม่า ตอนเช้าจะเห็นพระอาทิตย์ขึ้นที่ฝั่งไทย
หลังจากให้ธรรมชาติกอด หลับสบายมาทั้งคืน ได้สูดอากาศสดชื่นในตอนเช้าพร้อมดูความสวยงามของพระอาทิย์ขึ้น ก็ประอาหารเป็นเมนูมื้อเช้าก่อนที่จะอำลาเขากระโจม เดินทางกลับ
หลังจากลุยแอ่งน้ำขึ้นเนินก็จะเป็นปากทางให้แวะไปเที่ยวน้ำตกผาแดง มีป้ายบอกระยะทางถึงน้ำตกแค่ 200 เมตร ช่วยให้ง่ายกับการตัดสินใจที่จะเดินเข้าไปเที่ยวชมน้ำตก มองลึกเข้าไปเห็นสภาพเส้นทางเดินกลางผืนป่าเหมือนเส้นทางศึกษาธรรมชาติดูร่มรื่นดี
น้ำตกผาแดง มีต้นน้ำเกิดจากห้วยลันดา มีน้ำจากหลายลำห้วยไหลมารวมตัวกัน ตามปกติทั่วไปที่บริเวณน้ำตก มักจะพบเห็นทางลงไปเล่นน้ำตก แต่ที่นี่ด้วยสภาพที่เอื้อต่อการเล่นน้ำจึงไม่มีคนลงเล่นน้ำ คงได้เห็นแต่คนผ่านเข้ามา เที่ยวชม ถ่ายภาพ และนั่งพักร้อนเพียงชั่วคราว ก่อนที่จะย้อนกลับออกไปทางเดินเท้าเริ่มมีความต่างระดับลงเรื่อยๆ จากที่สูงสู่ที่ต่ำ จนถึงจุดพักให้แวะถ่ายภาพ มีฉากสายน้ำที่ไหลกระเซ็นผ่านแผ่นผาหิน มีหลายคนที่ถอดใจยอมจบการเดินทางไว้แค่ตรงนี้
ชื่อน้ำตกผาแดง เข้าใจว่าคนที่ตั้งชื่อน่าจะมาจากหินผาใหญ่สีแดงที่น้ำตกไหลผ่าน เป็นตะกอนดินสีแดงเมื่อเอามือจับก็จะหลุดติดมือมา
อยู่ได้ครู่เดียวก็กลับ มาถึงตอนนี้ดูเหมือนว่าแต่ละเท้าที่ย่างก้าวจะทำงานให้ไม่ค่อยได้อย่างที่ใจต้องการ ด้วยเพราะช่วงขาลงจากเขากระโจม ต้องลงจากรถอยู่บ่อยครั้ง เพื่อเก็บภาพความประทับใจเอาไว้ให้ได้มากที่สุด จนลืมนึกถึงสังขารตัวเอง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น